1     2     3  
สหกรณ์ภาคเกษตร 6 จังหวัดภาคเหนือตอนบน เตรียมพร้อมเข้าถึง 4 โอกาสการปรับเปลี่ยนผ่านกลไกการบัญชี



      กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ พลิกฟื้นธุรกิจสหกรณ์ภาคการเกษตร 6 จังหวัดภาคเหนือตอนบน มุ่งเสริมความแข็งแกร่งด้วยกลไกการบัญชีรองรับการเติบโตจากธุรกิจสหกรณ์ที่มีเม็ดเงินลงทุนรวมกว่า 14,000 ล้านบาท  ย้ำ  สร้าง 4 โอกาสแห่งการปรับเปลี่ยน
      
นายอนันต์ ภู่สิทธิกุล อธิบดีกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ เปิดเผยว่า ภาคการเกษตรของไทยในทุกวันนี้  มีระบบที่ซับซ้อนตามภาวะเศรษฐกิจ
ทั้งในด้านการพัฒนาโครงสร้างการผลิต  การตลาด  และการแปรรูป รวมไปถึงมีความเชื่อมโยงโอกาสทางองค์ความรู้   การพัฒนาอย่างต่อเนื่องให้สามารถสร้างกำไรเพื่อช่วยเหลือสมาชิกและชุมชน  กลไกการบัญชีจึงมีบทบาทที่สำคัญในการสร้างประสิทธิภาพและความโปร่งใสแก่สถาบันเกษตรกร  สามารถเตือนภัยการบริหารจัดการธุรกิจได้อย่างทันท่วงที และสร้างวินัยทางการเงินแก่สมาชิก  รวมถึงเครือข่ายกลุ่มบุคคลต่าง ๆ กล่าวได้ว่ากลไกการบัญชีจะนำมาซึ่งการสร้าง  4  โอกาสแห่งการปรับเปลี่ยน   ทั้งในด้านการเข้าถึงโอกาสองค์ความรู้เพื่อลดต้นทุนและเพิ่มรายได้  เข้าถึงโอกาสการรวมกลุ่ม   เข้าถึงโอกาสทุนดำเนินงาน  และเข้าถึงโอกาสระบบตลาด 
       ล่าสุด กรมตรวจบัญชีสหกรณ์มีกำหนดเดินหน้าขับเคลื่อนโครงการพลิกฟื้นธุรกิจสถาบันเกษตรกรผ่านกลไกการบัญชีระดับภาค ใน 6 จังหวัดภาคเหนือตอนบน ในวันที่  5 พฤศจิกายน  2552  ณ สหกรณ์การเกษตรแม่ทา จำกัด จังหวัดลำพูน โดยมีสหกรณ์ภาคการเกษตรที่เข้าร่วมโครงการฯ จำนวน 126 แห่ง โดยมุ่งหวังให้สหกรณ์และเครือข่ายได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้การดำเนินธุรกิจ  บูรณาการ
ความร่วมมือโดยผ่านกลไกการบัญชี             
       สำหรับภาพรวมภาวะเศรษฐกิจทางการเงินของสหกรณ์ ใน 6 จังหวัดภาคเหนือตอนบน ซึ่งประกอบด้วย  เชียงใหม่  เชียงราย  ลำพูน  ลำปาง 
แม่ฮ่องสอน  พะเยา  ในปี 2549 – 2551 พบว่า มีสหกรณ์ภาคการเกษตร จำนวนทั้งสิ้น 371 แห่ง จำนวนสมาชิก เพิ่มจากปี 2549 ซึ่งมีเพียง 581,805 คนเป็น 643,577  คน ทุนดำเนินงาน 12,526.07 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,370.59  ล้านบาท  หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 12.29 มีเม็ดเงินหมุนเวียนจากธุรกิจของสหกรณ์  5  ประเภท  ได้แก่  ธุรกิจรับฝากเงิน  ให้กู้ยืมเงิน  จัดหาสินค้ามาจำหน่าย  รวบรวมผลผลิต  แปรรูป  และให้บริการ  มีมูลค่าถึง 14,436.82 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2549 ถึง 2,173.69 ล้านบาท สร้างรายได้รวม 7,335.83 ล้านบาท  เพิ่มขึ้นจากปี 2549  ถึง 1,904 ล้านบาท  สามารถสร้างเงินออมให้สมาชิกเฉลี่ย  8,881  บาทต่อคน

       “...นอกจากนี้กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ได้ร่วมบูรณาการกับหน่วยงานต่าง ๆ ได้แก่ กรมส่งเสริมสหกรณ์ กรมพัฒนาที่ดิน  กรมวิชาการเกษตร  และหน่วยงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยมุ่งเน้นให้เกิดการปรับเปลี่ยนการจัดการธุรกิจของสถาบันเกษตรกรอย่างมีมาตรฐาน  โดยมีกลไกการบัญชีนำไปสู่ 4 โอกาสแห่งการปรับเปลี่ยน อันจะนำมาซึ่งการพัฒนากระบวนการรวมกลุ่มของสหกรณ์ภาคการเกษตรตามขั้นตอนของปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงสู่ความยั่งยืน  และผลักดันการจัดการธุรกิจสหกรณ์ภาคการเกษตรบนพื้นฐานของการให้ของชุมชนอย่างต่อเนื่อง...”  นายอนันต์กล่าว